EDITORIAL
'ช่วงเวลาทอง' 72 ชั่วโมงเมื่อข้อมูลรั่วไหล: คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับหน้าที่การแจ้งเหตุภายใต้ PDPA ของไทย

Yuvin Kim
August 29, 2025
EDITORIAL
'ช่วงเวลาทอง' 72 ชั่วโมงเมื่อข้อมูลรั่วไหล: คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับหน้าที่การแจ้งเหตุภายใต้ PDPA ของไทย

Yuvin Kim
August 29, 2025


การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นวิกฤตทางธุรกิจที่สามารถทำลายความไว้วางใจของลูกค้าที่สั่งสมมานานได้ในทันที ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย การรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วและโปร่งใสไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกที่ดี แต่เป็นข้อบังคับทางกฎหมาย
หนึ่งในข้อกำหนดที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดคือ "การแจ้งเหตุภายใน 72 ชั่วโมง" ซึ่งเปรียบเสมือน 'ช่วงเวลาทอง' ที่จะตัดสินว่าธุรกิจของคุณจะสามารถจัดการกับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสียหายได้หรือไม่
คู่มือนี้จะอธิบายขั้นตอนและข้อกำหนดที่สำคัญเกี่ยวกับการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ธุรกิจของคุณเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
1. เมื่อไหร่ที่ต้องแจ้งเหตุ?
ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่จะต้องแจ้งเตือน คุณจำเป็นต้องแจ้งเหตุเมื่อเกิด "การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล" ที่ "มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล"
ตัวอย่างที่ต้องแจ้ง: ข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, ข้อมูลทางการเงิน รั่วไหลไปยังบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่างที่อาจไม่ต้องแจ้ง: ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้อย่างแน่นหนาและกุญแจถอดรหัสไม่ได้รับผลกระทบใดๆ รั่วไหลออกไป ซึ่งทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนและไม่มีความเสี่ยงต่อบุคคล
2. ต้องแจ้งใครบ้าง?
คุณมีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุไปยัง 2 ฝ่ายหลัก:
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส. หรือ PDPC): ต้องแจ้งโดยไม่ชักช้า ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่ทราบเหตุ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject): ต้องแจ้งโดยไม่ชักช้า หากการละเมิดนั้น "มีความเสี่ยงสูง" ที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของพวกเขา
3. การแจ้งเหตุต่อ PDPC (ภายใน 72 ชั่วโมง) ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?
การแจ้งเหตุต่อหน่วยงานกำกับดูแลต้องมีข้อมูลที่จำเป็นอย่างน้อยดังต่อไปนี้:
ลักษณะของการละเมิด: เกิดอะไรขึ้น, ประเภทของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (เช่น ข้อมูลสุขภาพ, ข้อมูลการเงิน)
ข้อมูลเบื้องต้น: จำนวนเจ้าของข้อมูลที่ได้รับผลกระทบโดยประมาณ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว
มาตรการที่ได้ดำเนินการไป: มาตรการที่บริษัทของคุณได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขและลดความเสียหาย
ข้อมูลผู้ติดต่อ: ชื่อและข้อมูลติดต่อของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) หรือผู้ประสานงานของบริษัท
4. การแจ้งเหตุต่อเจ้าของข้อมูล ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?
หากมีความเสี่ยงสูง การแจ้งเตือนไปยังบุคคลที่ได้รับผลกระทบจะต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและมีข้อมูลดังนี้:
คำอธิบายลักษณะการละเมิดที่เข้าใจง่าย
ข้อมูลติดต่อของ DPO หรือผู้ประสานงาน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเขาโดยตรง
คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการที่พวกเขาควรทำเพื่อป้องกันตนเอง (เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน, ระวังอีเมลหลอกลวง)
มาตรการที่บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา
5. หากแจ้งเหตุไม่ทันภายใน 72 ชั่วโมงจะเกิดอะไรขึ้น?
หากคุณไม่สามารถแจ้งเหตุต่อ PDPC ได้ทันเวลา คุณต้องแจ้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลของความล่าช้านั้นด้วย การไม่มีเหตุผลอันสมควรอาจนำไปสู่การถูกลงโทษปรับทางปกครองได้
การเตรียมความพร้อมคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
การรอให้เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลแล้วค่อยวางแผนรับมือเป็นสิ่งที่สายเกินไป การลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกและการมีแผนรับมือที่ชัดเจน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
ที่ Walla เราให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของข้อมูล แพลตฟอร์มของเรารวบรวมข้อมูลผ่านช่องทางที่เข้ารหัสและมีมาตรการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดข้อมูลรั่วไหลตั้งแต่ต้นทาง การเลือกใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความสอดคล้องกับกฎระเบียบ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการปกป้องธุรกิจและลูกค้าของคุณ
การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นวิกฤตทางธุรกิจที่สามารถทำลายความไว้วางใจของลูกค้าที่สั่งสมมานานได้ในทันที ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย การรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วและโปร่งใสไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกที่ดี แต่เป็นข้อบังคับทางกฎหมาย
หนึ่งในข้อกำหนดที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดคือ "การแจ้งเหตุภายใน 72 ชั่วโมง" ซึ่งเปรียบเสมือน 'ช่วงเวลาทอง' ที่จะตัดสินว่าธุรกิจของคุณจะสามารถจัดการกับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสียหายได้หรือไม่
คู่มือนี้จะอธิบายขั้นตอนและข้อกำหนดที่สำคัญเกี่ยวกับการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ธุรกิจของคุณเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
1. เมื่อไหร่ที่ต้องแจ้งเหตุ?
ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่จะต้องแจ้งเตือน คุณจำเป็นต้องแจ้งเหตุเมื่อเกิด "การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล" ที่ "มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล"
ตัวอย่างที่ต้องแจ้ง: ข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, ข้อมูลทางการเงิน รั่วไหลไปยังบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่างที่อาจไม่ต้องแจ้ง: ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้อย่างแน่นหนาและกุญแจถอดรหัสไม่ได้รับผลกระทบใดๆ รั่วไหลออกไป ซึ่งทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนและไม่มีความเสี่ยงต่อบุคคล
2. ต้องแจ้งใครบ้าง?
คุณมีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุไปยัง 2 ฝ่ายหลัก:
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส. หรือ PDPC): ต้องแจ้งโดยไม่ชักช้า ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่ทราบเหตุ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject): ต้องแจ้งโดยไม่ชักช้า หากการละเมิดนั้น "มีความเสี่ยงสูง" ที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของพวกเขา
3. การแจ้งเหตุต่อ PDPC (ภายใน 72 ชั่วโมง) ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?
การแจ้งเหตุต่อหน่วยงานกำกับดูแลต้องมีข้อมูลที่จำเป็นอย่างน้อยดังต่อไปนี้:
ลักษณะของการละเมิด: เกิดอะไรขึ้น, ประเภทของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (เช่น ข้อมูลสุขภาพ, ข้อมูลการเงิน)
ข้อมูลเบื้องต้น: จำนวนเจ้าของข้อมูลที่ได้รับผลกระทบโดยประมาณ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว
มาตรการที่ได้ดำเนินการไป: มาตรการที่บริษัทของคุณได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขและลดความเสียหาย
ข้อมูลผู้ติดต่อ: ชื่อและข้อมูลติดต่อของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) หรือผู้ประสานงานของบริษัท
4. การแจ้งเหตุต่อเจ้าของข้อมูล ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?
หากมีความเสี่ยงสูง การแจ้งเตือนไปยังบุคคลที่ได้รับผลกระทบจะต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและมีข้อมูลดังนี้:
คำอธิบายลักษณะการละเมิดที่เข้าใจง่าย
ข้อมูลติดต่อของ DPO หรือผู้ประสานงาน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเขาโดยตรง
คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการที่พวกเขาควรทำเพื่อป้องกันตนเอง (เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน, ระวังอีเมลหลอกลวง)
มาตรการที่บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา
5. หากแจ้งเหตุไม่ทันภายใน 72 ชั่วโมงจะเกิดอะไรขึ้น?
หากคุณไม่สามารถแจ้งเหตุต่อ PDPC ได้ทันเวลา คุณต้องแจ้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลของความล่าช้านั้นด้วย การไม่มีเหตุผลอันสมควรอาจนำไปสู่การถูกลงโทษปรับทางปกครองได้
การเตรียมความพร้อมคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
การรอให้เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลแล้วค่อยวางแผนรับมือเป็นสิ่งที่สายเกินไป การลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกและการมีแผนรับมือที่ชัดเจน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
ที่ Walla เราให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของข้อมูล แพลตฟอร์มของเรารวบรวมข้อมูลผ่านช่องทางที่เข้ารหัสและมีมาตรการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดข้อมูลรั่วไหลตั้งแต่ต้นทาง การเลือกใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความสอดคล้องกับกฎระเบียบ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการปกป้องธุรกิจและลูกค้าของคุณ
การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นวิกฤตทางธุรกิจที่สามารถทำลายความไว้วางใจของลูกค้าที่สั่งสมมานานได้ในทันที ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย การรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วและโปร่งใสไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกที่ดี แต่เป็นข้อบังคับทางกฎหมาย
หนึ่งในข้อกำหนดที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดคือ "การแจ้งเหตุภายใน 72 ชั่วโมง" ซึ่งเปรียบเสมือน 'ช่วงเวลาทอง' ที่จะตัดสินว่าธุรกิจของคุณจะสามารถจัดการกับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสียหายได้หรือไม่
คู่มือนี้จะอธิบายขั้นตอนและข้อกำหนดที่สำคัญเกี่ยวกับการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ธุรกิจของคุณเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
1. เมื่อไหร่ที่ต้องแจ้งเหตุ?
ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่จะต้องแจ้งเตือน คุณจำเป็นต้องแจ้งเหตุเมื่อเกิด "การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล" ที่ "มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล"
ตัวอย่างที่ต้องแจ้ง: ข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, ข้อมูลทางการเงิน รั่วไหลไปยังบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่างที่อาจไม่ต้องแจ้ง: ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้อย่างแน่นหนาและกุญแจถอดรหัสไม่ได้รับผลกระทบใดๆ รั่วไหลออกไป ซึ่งทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนและไม่มีความเสี่ยงต่อบุคคล
2. ต้องแจ้งใครบ้าง?
คุณมีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุไปยัง 2 ฝ่ายหลัก:
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส. หรือ PDPC): ต้องแจ้งโดยไม่ชักช้า ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่ทราบเหตุ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject): ต้องแจ้งโดยไม่ชักช้า หากการละเมิดนั้น "มีความเสี่ยงสูง" ที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของพวกเขา
3. การแจ้งเหตุต่อ PDPC (ภายใน 72 ชั่วโมง) ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?
การแจ้งเหตุต่อหน่วยงานกำกับดูแลต้องมีข้อมูลที่จำเป็นอย่างน้อยดังต่อไปนี้:
ลักษณะของการละเมิด: เกิดอะไรขึ้น, ประเภทของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (เช่น ข้อมูลสุขภาพ, ข้อมูลการเงิน)
ข้อมูลเบื้องต้น: จำนวนเจ้าของข้อมูลที่ได้รับผลกระทบโดยประมาณ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว
มาตรการที่ได้ดำเนินการไป: มาตรการที่บริษัทของคุณได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขและลดความเสียหาย
ข้อมูลผู้ติดต่อ: ชื่อและข้อมูลติดต่อของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) หรือผู้ประสานงานของบริษัท
4. การแจ้งเหตุต่อเจ้าของข้อมูล ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?
หากมีความเสี่ยงสูง การแจ้งเตือนไปยังบุคคลที่ได้รับผลกระทบจะต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและมีข้อมูลดังนี้:
คำอธิบายลักษณะการละเมิดที่เข้าใจง่าย
ข้อมูลติดต่อของ DPO หรือผู้ประสานงาน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเขาโดยตรง
คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการที่พวกเขาควรทำเพื่อป้องกันตนเอง (เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน, ระวังอีเมลหลอกลวง)
มาตรการที่บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา
5. หากแจ้งเหตุไม่ทันภายใน 72 ชั่วโมงจะเกิดอะไรขึ้น?
หากคุณไม่สามารถแจ้งเหตุต่อ PDPC ได้ทันเวลา คุณต้องแจ้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลของความล่าช้านั้นด้วย การไม่มีเหตุผลอันสมควรอาจนำไปสู่การถูกลงโทษปรับทางปกครองได้
การเตรียมความพร้อมคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
การรอให้เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลแล้วค่อยวางแผนรับมือเป็นสิ่งที่สายเกินไป การลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกและการมีแผนรับมือที่ชัดเจน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
ที่ Walla เราให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของข้อมูล แพลตฟอร์มของเรารวบรวมข้อมูลผ่านช่องทางที่เข้ารหัสและมีมาตรการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดข้อมูลรั่วไหลตั้งแต่ต้นทาง การเลือกใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความสอดคล้องกับกฎระเบียบ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการปกป้องธุรกิจและลูกค้าของคุณ
Continue Reading
The form you've been searching for?
Walla, Obviously.
Services
The form you've been searching for?
Walla, Obviously.
Services
The form you've been searching for?
Walla, Obviously.
Services
