EDITORIAL

กลยุทธ์แบบสำรวจเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์

Yuvin Kim

September 24, 2025

EDITORIAL

กลยุทธ์แบบสำรวจเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์

Yuvin Kim

September 24, 2025

วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และทำความเข้าใจความคิดของผู้บริโภคคือการทำแบบสำรวจ คุณสามารถรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ผ่านแบบสำรวจ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ในปัจจุบันมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในแง่ของปัจจัยทางจิตวิทยา ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่เน้นเพียงแค่ฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ดังนั้นการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้อย่างแม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญ แบบสำรวจเปรียบเสมือนกระดุมเม็ดแรกที่ช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคและส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน เราจะสร้างกลยุทธ์อะไรได้บ้าง?

การวิเคราะห์การรับรู้แบรนด์โดยใช้แบบสำรวจ

การรับรู้แบรนด์คือตัวชี้วัดว่าผู้บริโภครู้จักแบรนด์นั้นๆ ดีเพียงใด และแบบสำรวจเป็นสิ่งจำเป็นในการวัดผลนี้ แบบสำรวจช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าผู้บริโภคพบเห็นแบรนด์ของคุณบ่อยแค่ไหน และมีภาพลักษณ์ต่อแบรนด์อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบบสำรวจการรับรู้แบรนด์มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

ดังนั้น คำถามในแบบสำรวจจึงต้องมีความชัดเจน เหตุผลที่การออกแบบคำถามที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นก็เพื่อชี้นำให้ผู้ตอบสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้โดยไม่สับสน คำถามที่ไม่ชัดเจนอาจนำไปสู่การเก็บข้อมูลที่ผิดพลาดได้ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำถามที่เป็นนามธรรมอย่าง "คุณคิดอย่างไรกับแบรนด์ของเรา?" ควรออกแบบคำถามที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น "คุณเคยได้ยินชื่อแบรนด์ของเราหรือไม่?" หรือ "คุณรู้จักแบรนด์ของเราผ่านช่องทางใด?" ข้อมูลที่รวบรวมผ่านแบบสำรวจเช่นนี้จะเป็นรากฐานของกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์

กลยุทธ์แบบสำรวจเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับรู้แบรนด์ก็คือภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Perception) ภาพลักษณ์ของแบรนด์ไม่ใช่แค่การรู้จักแบรนด์ แต่หมายถึงความรู้สึกและการประเมินที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์นั้นๆ แบบสำรวจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แง่มุมเชิงคุณภาพของภาพลักษณ์แบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดังที่กล่าวไปแล้ว เพื่อที่จะวัดผลภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม คุณต้องออกแบบคำถามที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการวัดผลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ลองพิจารณาคำถามเหล่านี้เป็นแนวทางดูสิครับ

  • "หากให้คุณอธิบายแบรนด์ของเราในหนึ่งคำ คุณจะใช้คำว่าอะไร?"

    • เพื่อทำความเข้าใจความประทับใจแรกที่มีต่อภาพลักษณ์แบรนด์

  • "อะไรคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเราแตกต่างจากคู่แข่ง?"

    • เพื่อระบุปัจจัยที่สร้างความแตกต่างของแบรนด์

  • "คุณเคยมีประสบการณ์ที่ดี/ไม่ดีกับแบรนด์ของเราหรือไม่? หากมี โปรดเล่าให้ฟัง"

    • เพื่อระบุทั้งส่วนที่ต้องปรับปรุงและจุดแข็งของแบรนด์ไปพร้อมกัน

  • "คุณคิดว่าแบรนด์ของเราตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีหรือไม่?"

    • เพื่อวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์

  • "คุณมีความตั้งใจที่จะแนะนำแบรนด์ของเราให้ผู้อื่นหรือไม่?"

    • เพื่อวัดค่า NPS (Net Promoter Score)

นอกจากนี้ คำถามอย่าง "คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบเห็นแบรนด์ของเรา?" หรือ "คุณคิดว่าแบรนด์ของเราน่าเชื่อถือหรือไม่?" ก็สามารถช่วยให้คุณค้นพบระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในใจผู้บริโภคและจุดที่ควรปรับปรุงได้ ผลลัพธ์จากแบบสำรวจเหล่านี้จะช่วยในการปรับภาพลักษณ์และสารของแบรนด์ให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภค ดังนั้น คุณสามารถสร้างกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ในแง่ลบหรือเสริมสร้างภาพลักษณ์ในแง่บวกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยอาศัยข้อมูลจากแบบสำรวจ ภาพลักษณ์ของแบรนด์คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความไว้วางใจและความภักดีในระยะยาวของผู้บริโภค ดังนั้นการรับฟังและนำเสียงของผู้บริโภคมาปรับใช้ในกระบวนการทำแบบสำรวจจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจ

แม้ว่าแบบสำรวจจะจำเป็นต่อการวัดผลการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างแม่นยำ แต่การนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์นั้นสำคัญยิ่งกว่า การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนของรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภค, ภาพลักษณ์ที่พวกเขามีต่อแบรนด์ และทิศทางของกลยุทธ์การตลาด

ขั้นแรก คุณสามารถแบ่งกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจได้ ตัวอย่างเช่น การทำความเข้าใจความแตกต่างของการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ตามอายุ เพศ และภูมิภาค จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ซึ่งในส่วนนี้ คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน ‘Analytics’ ของ Walla เพื่อตรวจสอบผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ จากแบบสำรวจได้ การวิเคราะห์ข้อร้องเรียนหรือความคิดเห็นเชิงลบที่ปรากฏซ้ำๆ ในผลสำรวจจะช่วยให้ทิศทางการปรับปรุงแบรนด์ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ฟังก์ชัน ‘Hidden Fields’ ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบเพื่อติดตามช่องทางการเข้ามาของลิงก์แบบสำรวจและข้อมูลเฉพาะ จะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ตอบเข้ามาจากช่องทางใดและสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมที่สุดได้

วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และทำความเข้าใจความคิดของผู้บริโภคคือการทำแบบสำรวจ คุณสามารถรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ผ่านแบบสำรวจ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ในปัจจุบันมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในแง่ของปัจจัยทางจิตวิทยา ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่เน้นเพียงแค่ฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ดังนั้นการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้อย่างแม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญ แบบสำรวจเปรียบเสมือนกระดุมเม็ดแรกที่ช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคและส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน เราจะสร้างกลยุทธ์อะไรได้บ้าง?

การวิเคราะห์การรับรู้แบรนด์โดยใช้แบบสำรวจ

การรับรู้แบรนด์คือตัวชี้วัดว่าผู้บริโภครู้จักแบรนด์นั้นๆ ดีเพียงใด และแบบสำรวจเป็นสิ่งจำเป็นในการวัดผลนี้ แบบสำรวจช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าผู้บริโภคพบเห็นแบรนด์ของคุณบ่อยแค่ไหน และมีภาพลักษณ์ต่อแบรนด์อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบบสำรวจการรับรู้แบรนด์มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

ดังนั้น คำถามในแบบสำรวจจึงต้องมีความชัดเจน เหตุผลที่การออกแบบคำถามที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นก็เพื่อชี้นำให้ผู้ตอบสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้โดยไม่สับสน คำถามที่ไม่ชัดเจนอาจนำไปสู่การเก็บข้อมูลที่ผิดพลาดได้ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำถามที่เป็นนามธรรมอย่าง "คุณคิดอย่างไรกับแบรนด์ของเรา?" ควรออกแบบคำถามที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น "คุณเคยได้ยินชื่อแบรนด์ของเราหรือไม่?" หรือ "คุณรู้จักแบรนด์ของเราผ่านช่องทางใด?" ข้อมูลที่รวบรวมผ่านแบบสำรวจเช่นนี้จะเป็นรากฐานของกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์

กลยุทธ์แบบสำรวจเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับรู้แบรนด์ก็คือภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Perception) ภาพลักษณ์ของแบรนด์ไม่ใช่แค่การรู้จักแบรนด์ แต่หมายถึงความรู้สึกและการประเมินที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์นั้นๆ แบบสำรวจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แง่มุมเชิงคุณภาพของภาพลักษณ์แบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดังที่กล่าวไปแล้ว เพื่อที่จะวัดผลภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม คุณต้องออกแบบคำถามที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการวัดผลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ลองพิจารณาคำถามเหล่านี้เป็นแนวทางดูสิครับ

  • "หากให้คุณอธิบายแบรนด์ของเราในหนึ่งคำ คุณจะใช้คำว่าอะไร?"

    • เพื่อทำความเข้าใจความประทับใจแรกที่มีต่อภาพลักษณ์แบรนด์

  • "อะไรคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเราแตกต่างจากคู่แข่ง?"

    • เพื่อระบุปัจจัยที่สร้างความแตกต่างของแบรนด์

  • "คุณเคยมีประสบการณ์ที่ดี/ไม่ดีกับแบรนด์ของเราหรือไม่? หากมี โปรดเล่าให้ฟัง"

    • เพื่อระบุทั้งส่วนที่ต้องปรับปรุงและจุดแข็งของแบรนด์ไปพร้อมกัน

  • "คุณคิดว่าแบรนด์ของเราตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีหรือไม่?"

    • เพื่อวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์

  • "คุณมีความตั้งใจที่จะแนะนำแบรนด์ของเราให้ผู้อื่นหรือไม่?"

    • เพื่อวัดค่า NPS (Net Promoter Score)

นอกจากนี้ คำถามอย่าง "คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบเห็นแบรนด์ของเรา?" หรือ "คุณคิดว่าแบรนด์ของเราน่าเชื่อถือหรือไม่?" ก็สามารถช่วยให้คุณค้นพบระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในใจผู้บริโภคและจุดที่ควรปรับปรุงได้ ผลลัพธ์จากแบบสำรวจเหล่านี้จะช่วยในการปรับภาพลักษณ์และสารของแบรนด์ให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภค ดังนั้น คุณสามารถสร้างกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ในแง่ลบหรือเสริมสร้างภาพลักษณ์ในแง่บวกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยอาศัยข้อมูลจากแบบสำรวจ ภาพลักษณ์ของแบรนด์คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความไว้วางใจและความภักดีในระยะยาวของผู้บริโภค ดังนั้นการรับฟังและนำเสียงของผู้บริโภคมาปรับใช้ในกระบวนการทำแบบสำรวจจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจ

แม้ว่าแบบสำรวจจะจำเป็นต่อการวัดผลการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างแม่นยำ แต่การนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์นั้นสำคัญยิ่งกว่า การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนของรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภค, ภาพลักษณ์ที่พวกเขามีต่อแบรนด์ และทิศทางของกลยุทธ์การตลาด

ขั้นแรก คุณสามารถแบ่งกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจได้ ตัวอย่างเช่น การทำความเข้าใจความแตกต่างของการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ตามอายุ เพศ และภูมิภาค จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ซึ่งในส่วนนี้ คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน ‘Analytics’ ของ Walla เพื่อตรวจสอบผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ จากแบบสำรวจได้ การวิเคราะห์ข้อร้องเรียนหรือความคิดเห็นเชิงลบที่ปรากฏซ้ำๆ ในผลสำรวจจะช่วยให้ทิศทางการปรับปรุงแบรนด์ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ฟังก์ชัน ‘Hidden Fields’ ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบเพื่อติดตามช่องทางการเข้ามาของลิงก์แบบสำรวจและข้อมูลเฉพาะ จะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ตอบเข้ามาจากช่องทางใดและสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมที่สุดได้

วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และทำความเข้าใจความคิดของผู้บริโภคคือการทำแบบสำรวจ คุณสามารถรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ผ่านแบบสำรวจ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ในปัจจุบันมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในแง่ของปัจจัยทางจิตวิทยา ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่เน้นเพียงแค่ฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ดังนั้นการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้อย่างแม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญ แบบสำรวจเปรียบเสมือนกระดุมเม็ดแรกที่ช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคและส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน เราจะสร้างกลยุทธ์อะไรได้บ้าง?

การวิเคราะห์การรับรู้แบรนด์โดยใช้แบบสำรวจ

การรับรู้แบรนด์คือตัวชี้วัดว่าผู้บริโภครู้จักแบรนด์นั้นๆ ดีเพียงใด และแบบสำรวจเป็นสิ่งจำเป็นในการวัดผลนี้ แบบสำรวจช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าผู้บริโภคพบเห็นแบรนด์ของคุณบ่อยแค่ไหน และมีภาพลักษณ์ต่อแบรนด์อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบบสำรวจการรับรู้แบรนด์มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

ดังนั้น คำถามในแบบสำรวจจึงต้องมีความชัดเจน เหตุผลที่การออกแบบคำถามที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นก็เพื่อชี้นำให้ผู้ตอบสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้โดยไม่สับสน คำถามที่ไม่ชัดเจนอาจนำไปสู่การเก็บข้อมูลที่ผิดพลาดได้ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำถามที่เป็นนามธรรมอย่าง "คุณคิดอย่างไรกับแบรนด์ของเรา?" ควรออกแบบคำถามที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น "คุณเคยได้ยินชื่อแบรนด์ของเราหรือไม่?" หรือ "คุณรู้จักแบรนด์ของเราผ่านช่องทางใด?" ข้อมูลที่รวบรวมผ่านแบบสำรวจเช่นนี้จะเป็นรากฐานของกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์

กลยุทธ์แบบสำรวจเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับรู้แบรนด์ก็คือภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Perception) ภาพลักษณ์ของแบรนด์ไม่ใช่แค่การรู้จักแบรนด์ แต่หมายถึงความรู้สึกและการประเมินที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์นั้นๆ แบบสำรวจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แง่มุมเชิงคุณภาพของภาพลักษณ์แบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดังที่กล่าวไปแล้ว เพื่อที่จะวัดผลภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม คุณต้องออกแบบคำถามที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการวัดผลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ลองพิจารณาคำถามเหล่านี้เป็นแนวทางดูสิครับ

  • "หากให้คุณอธิบายแบรนด์ของเราในหนึ่งคำ คุณจะใช้คำว่าอะไร?"

    • เพื่อทำความเข้าใจความประทับใจแรกที่มีต่อภาพลักษณ์แบรนด์

  • "อะไรคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเราแตกต่างจากคู่แข่ง?"

    • เพื่อระบุปัจจัยที่สร้างความแตกต่างของแบรนด์

  • "คุณเคยมีประสบการณ์ที่ดี/ไม่ดีกับแบรนด์ของเราหรือไม่? หากมี โปรดเล่าให้ฟัง"

    • เพื่อระบุทั้งส่วนที่ต้องปรับปรุงและจุดแข็งของแบรนด์ไปพร้อมกัน

  • "คุณคิดว่าแบรนด์ของเราตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีหรือไม่?"

    • เพื่อวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์

  • "คุณมีความตั้งใจที่จะแนะนำแบรนด์ของเราให้ผู้อื่นหรือไม่?"

    • เพื่อวัดค่า NPS (Net Promoter Score)

นอกจากนี้ คำถามอย่าง "คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบเห็นแบรนด์ของเรา?" หรือ "คุณคิดว่าแบรนด์ของเราน่าเชื่อถือหรือไม่?" ก็สามารถช่วยให้คุณค้นพบระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในใจผู้บริโภคและจุดที่ควรปรับปรุงได้ ผลลัพธ์จากแบบสำรวจเหล่านี้จะช่วยในการปรับภาพลักษณ์และสารของแบรนด์ให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภค ดังนั้น คุณสามารถสร้างกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ในแง่ลบหรือเสริมสร้างภาพลักษณ์ในแง่บวกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยอาศัยข้อมูลจากแบบสำรวจ ภาพลักษณ์ของแบรนด์คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความไว้วางใจและความภักดีในระยะยาวของผู้บริโภค ดังนั้นการรับฟังและนำเสียงของผู้บริโภคมาปรับใช้ในกระบวนการทำแบบสำรวจจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจ

แม้ว่าแบบสำรวจจะจำเป็นต่อการวัดผลการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างแม่นยำ แต่การนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์นั้นสำคัญยิ่งกว่า การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนของรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภค, ภาพลักษณ์ที่พวกเขามีต่อแบรนด์ และทิศทางของกลยุทธ์การตลาด

ขั้นแรก คุณสามารถแบ่งกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจได้ ตัวอย่างเช่น การทำความเข้าใจความแตกต่างของการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ตามอายุ เพศ และภูมิภาค จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ซึ่งในส่วนนี้ คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน ‘Analytics’ ของ Walla เพื่อตรวจสอบผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ จากแบบสำรวจได้ การวิเคราะห์ข้อร้องเรียนหรือความคิดเห็นเชิงลบที่ปรากฏซ้ำๆ ในผลสำรวจจะช่วยให้ทิศทางการปรับปรุงแบรนด์ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ฟังก์ชัน ‘Hidden Fields’ ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบเพื่อติดตามช่องทางการเข้ามาของลิงก์แบบสำรวจและข้อมูลเฉพาะ จะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ตอบเข้ามาจากช่องทางใดและสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมที่สุดได้

Continue Reading

The form you've been searching for?

Walla, Obviously.

The form you've been searching for?

Walla, Obviously.

The form you've been searching for?

Walla, Obviously.